
กัญชงกับกัญชาต่างกันอย่างไร
กัญชง และ กัญชา เป็นพืชตระกูลเดียวกัน แต่คนละสายพันธุ์ พืชทั้งสองชนิดนี้มีลักษณะที่คล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างในหลาย ๆ ด้าน เช่น สารประกอบทางเคมี ลักษณะทางกายภาพ และการนำไปใช้ประโยชน์ ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จัก กัญชงกับกัญชาต่างกันอย่างไร อย่างละเอียด และเปรียบเทียบความแตกต่างกันระหว่างสองพืชชนิดนี้อย่างชัดเจน
ความแตกต่างทางชีววิทยา
กัญชงและกัญชาเป็นพืชในสกุล Cannabis ซึ่งเป็นพืชล้มลุกที่มีถิ่นกำเนิดเดียวกันในเอเชียกลาง ทั้งสองชนิดนี้มีลักษณะทางพฤษศาสตร์ที่คล้ายกัน โดยมีใบประกอบแบบนิ้วมือ ใบย่อยเรียวแหลม ดอกเป็นช่อแบบกระจะที่ปลายกิ่ง และเมล็ดมีขนาดเล็กและแข็ง อย่างไรก็ตาม กัญชงและกัญชาแตกต่างกันในด้านสารประกอบทางเคมี โดยสารประกอบที่สำคัญที่สุดคือสาร THC (Tetrahydrocannabinol) ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่มีฤทธิ์ทำให้เมา กัญชงมีปริมาณ THC ต่ำมาก (น้อยกว่า 0.3%) ในขณะที่กัญชามีปริมาณ THC สูง (5-20%) นอกจากนี้ กัญชงและกัญชายังแตกต่างกันในด้านลักษณะทางกายภาพ โดยกัญชงมีลำต้นที่สูงกว่า ใบที่เรียวกว่า และดอกที่เล็กกว่ากัญชา
การนำไปใช้ประโยชน์
กัญชงและกัญชานำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย โดยกัญชงมักถูกนำไปใช้ประโยชน์ทางอุตสาหกรรม เช่น ผลิตเป็นเส้นใยสำหรับทำเสื้อผ้า กระดาษ และเชือก ส่วนกัญชามักถูกนำไปใช้ทางการแพทย์และเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ
- กัญชง
เส้นใยกัญชงเป็นเส้นใยที่มีความแข็งแรงและทนทานสูง จึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น ผลิตเป็นเสื้อผ้า กระดาษ เชือก และวัสดุอื่น ๆ สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ กัญชงยังมีสาร CBD (Cannabidiol) ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่ไม่มีฤทธิ์ทำให้เมา สาร CBD มีคุณสมบัติทางเภสัชวิทยามากมาย เช่น ช่วยลดอาการชัก ลดอาการเบื่ออาหาร และลดอาการวิตกกังวล กัญชงที่มีปริมาณ CBD สูงจึงสามารถนำไปใช้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและยาได้
- กัญชา
กัญชาถูกนำไปใช้ทางการแพทย์มาอย่างยาวนานเพื่อรักษาอาการต่าง ๆ เช่น อาการปวดเรื้อรัง อาการคลื่นไส้ อาการเบื่ออาหาร และอาการชัก ในปัจจุบัน มีการวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ทางการแพทย์ของกัญชาอย่างต่อเนื่อง และมีหลายประเทศที่อนุญาตใช้กัญชาทางการแพทย์แล้ว นอกจากนี้ กัญชายังถูกนำไปใช้เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจในบางประเทศ สาร THC ในกัญชามีฤทธิ์ทำให้เมา และก่อให้เกิดอาการเคลิ้มฝัน เปลี่ยนแปลงประสาทสัมผัส และสร้างความผ่อนคลาย

กฎหมายว่าอย่างไร
ในประเทศไทย กัญชงและกัญชาถือเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 รัฐบาลได้ปลดล็อกกัญชงและกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดบางส่วน เพื่อให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางอุตสาหกรรมและการแพทย์ได้ ปัจจุบัน กัญชงสามารถปลูกได้อย่างถูกกฎหมายในประเทศไทย แต่ต้องจดแจ้งกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และขอรับใบอนุญาตปลูกจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
ประโยชน์และโทษของกัญชง
กัญชงมีประโยชน์และโทษทั้งในด้านอุตสาหกรรม การแพทย์ และสังคม โดยประโยชน์ของกัญชงมีดังนี้
- ประโยชน์ด้านอุตสาหกรรม
กัญชงมีเส้นใยที่มีความแข็งแรงและทนทานสูง จึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น ผลิตเป็นเสื้อผ้า กระดาษ เชือก และวัสดุอื่น ๆ สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ กัญชงยังมีสาร CBD ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่ไม่มีฤทธิ์ทำให้เมา สาร CBD มีคุณสมบัติทางเภสัชวิทยามากมาย เช่น ช่วยลดอาการชัก ลดอาการเบื่ออาหาร และลดอาการวิตกกังวล กัญชงที่มีปริมาณ CBD สูงจึงสามารถนำไปใช้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและยาได้
- ประโยชน์ด้านการแพทย์
กัญชาถูกนำไปใช้ทางการแพทย์มาอย่างยาวนานเพื่อรักษาอาการต่าง ๆ เช่น อาการปวดเรื้อรัง อาการคลื่นไส้ อาการเบื่ออาหาร และอาการชัก ในปัจจุบัน มีการวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ทางการแพทย์ของกัญชาอย่างต่อเนื่อง และมีหลายประเทศที่อนุญาตใช้กัญชาทางการแพทย์แล้ว
- ประโยชน์ด้านสังคม
กัญชงเป็นพืชที่ปลูกง่ายและทนทานต่อสภาพแวดล้อม จึงมีศักยภาพในการเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน
อย่างไรก็ตาม กัญชงก็มีโทษเช่นกัน โดยโทษของกัญชงมีดังนี้
- โทษด้านสุขภาพ
การสูบกัญชาอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ เช่น เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคปอด
- โทษด้านสังคม
การเสพกัญชาอาจนำไปสู่ปัญหาสังคม เช่น ปัญหาการขาดงาน ปัญหาการทะเลาะวิวาท และปัญหาความรุนแรง

สรุป กัญชงกับกัญชาต่างกันอย่างไร
กัญชงและกัญชาเป็นพืชตระกูลเดียวกัน แต่คนละสายพันธุ์ พืชทั้งสองชนิดนี้มีลักษณะที่คล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างในหลาย ๆ ด้าน เช่น สารประกอบทางเคมี ลักษณะทางกายภาพ และการนำไปใช้ประโยชน์ กัญชงมีประโยชน์และโทษทั้งในด้านอุตสาหกรรม การแพทย์ และสังคม โดยประโยชน์ของกัญชงมีมากกว่าโทษ อย่างไรก็ตาม กัญชงก็ยังมีโทษอยู่เช่นกัน จึงควรใช้กัญชงอย่างระมัดระวัง
ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ :